วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

แบไต๋ ไฮเทค iphone 5





อัพเดทคลิปวิดีโอโปรโมท iPhone 5 (ไอโฟน 5) จาก Apple Subtitle ภาษาไทย thai โดยทีมงาน techmoblog ครับ เราเห็นว่าน่าสนใจจึงนำมาใส่ sub ภาษาไทยให้ทุกท่านได้ชมกันครับ ซึ่งภายในคลิปจะกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบ iPhone 5 และการปรับเปลี่ยนที่สำคัญต่างๆ ทั้งในเรื่องของการออกแบบและชิ้นส่วนภายใน นอกจากนั้น ยังสรุปถึงการใช้งาน Feature อื่นๆ ที่น่าสนใจรวมถึงการถ่ายภาพ Panorama ด้วยครับ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากคลิปวีดีโอนะครับ
iphone 5
หลังจากที่ iPhone 5 (ไอโฟน 5) เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 กันยายน 2555 ที่ผ่านมาเป็นวันแรก ใน 9 ประเทศ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ทำให้ในตอนนี้ iphone 5 (ไอโฟน5) เครื่องหิ้วจากต่างประเทศ ได้ทยอยนำมาขายในไทยกันอย่างมากมาย และราคา iPhone 5 (ราคา ไอโฟน 5) เครื่องหิ้ว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันละ 1,000 - 2,000 บาท ตามความต้องการซื้อ iphone5 (ไอโฟน5) ที่มีอย่างมากมายนั่นเอง โดยในวันที่ 28 กันยายนนี้ iphone 5 (ไอโฟน 5) จะเปิดจำหน่ายในรอบที่ 2 อีก 22 ประเทศด้วย ซึ่งแน่นอนครับว่า ยังไม่มีรายชื่อของประเทศไทยเหมือนเช่นเคย
และตามคำสัญญาครับ เมื่อเว็บไซต์ techmoblog ได้มีโอกาส สัมผัส iPhone 5 (ไอโฟน 5) เครื่องจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่รอช้า รีบนำบทความ รีวิว iPhone 5 (iphone 5 review) มาให้ได้อ่านกัน โดยจะเป็นการเจาะลึกทุกแง่มุมของ iphone5 (ไอโฟน 5) ว่า ดีขึ้นกว่า iPhone 4S จริงหรือไม่ บอดี้แบบใหม่บน iphone 5 (ไอโฟน5) นั้น สวยขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า มากน้อยแค่ไหน ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ควรจะเปลี่ยนมาใช้งาน iPhone5 (ไอโฟน 5) เสียที ข้อดีข้อเสีย ของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) มีอะไรบ้างบทความนี้ จะเป็นบทความที่ช่วยให้ท่าน ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ควรจะซื้อ iPhone5 (ไอโฟน 5) ดีหรือไม่ ไปชมพร้อมๆ กันครับ
สเปค iPhone 5 (ไอโฟน 5)
- จอแสดงผลกว้าง 4 นิ้ว แบบ Retina Display Capacitive Touchscreen ความละเอียด 1136x960 พิกเซล (326 ppi)
- ระบบประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.0 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพ (GPU) PowerVR SGX 543MP3
- ระบบปฏิบัติการ iOS 6
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 1GB
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Full HD 1080p
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16GB, 32GB และ 64GB
- รองรับเครือข่าย 2G, 3G และ 4G
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 4.0, GPS (A-GPS)
- มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ Black & Slate และ สีขาว White & Silver
แกะกล่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5)


สำหรับ กล่องของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้น สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ กล่องของ iphone 5 (ไอโฟน5) จะมีการแยกสี โดยสำหรับรุ่นสีดำ ตัวกล่องจะเป็นสีดำ และรุ่นสีขาว ตัวกล่องจะเป็นสีขาวนั่นเองครับ โดยขนาดกล่องนั้นถือว่าใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย เพื่อรองรับหน้าจอที่มีขนาดยาวขึ้นกว่าเดิม และตัวกล่องยังคงใช้วัสดุเดียวกันกับกล่องของ iPhone รุ่นก่อนหน้าครับ


ภายในกล่องนั้นจะประกอบไปด้วย ที่ชาร์ตแบตเตอรี่แบบ Wall charge, สาย USB แบบใหม่ Lightning connector ขนาด 8-pin, อุปกรณ์สำหรับถอดถาดซิมการ์ดแบบ Nano-SIM card รวมไปถึง Apple EarPods และ คู่มือการใช้งาน


สำหรับ iPhone 4S นั้น ชุดหูฟังจะไม่ได้อยู่ในแพคเกจที่เรียบร้อยแบบนี้นะครับ แต่ใน iphone5 (ไอโฟน5) นั้น Apple EarPods จะถูกบรรจุอยู่ในแพคเกจที่สวยงาม ภายในกล่องของ iPhone 5 อีกที ซึ่งสามารถเก็บเมื่อไม่ใช้งานได้ง่าย และเป็นระเบียบอีกด้วย

และนี่คือ Dock Connector แบบใหม่ ที่มีชื่อว่า Lightning connector บรรจุอยู่ภายในกล่องเช่นเดียวกัน

เนื่องจากเครื่องที่ทีมงานได้นำมาทดสอบในครั้งนี้ เป็นเครื่องที่วางจำหน่ายในต่างประเทศ จึงทำให้ Adapter เป็นไปตามประเทศนั้นๆ แต่สำหรับรุ่นที่วางขายในไทย ก็จะเป็น Adapter ที่ใช้งานในประเทศไทย ได้ตามปกติ
รูปลักษณ์ และการออกแบบ iPhone 5 (ไอโฟน 5)


สำหรับรุ่นที่ทีมงานได้นำมาทำการทดสอบ ในวันนี้คือรุ่น iPhone 5 (ไอโฟน 5) สีดำ Black & Slate ความจุ 16 GB โดยตัวเครื่องที่อยู่ภายในกล่อง จะมีพลาสติกใส ติดอยู่ที่ตัวเครื่อง ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง

ด้านหลังของตัวเครื่อง จะเป็นแบบ ทูโทน (Two-tone) โดยสีดำ ในส่วนขอบบนล่าง จะเป็นกระจก
ส่วนตรงกลางตัวเครื่องจะเป็น Anodized Aluminium ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกันกับที่ใช้บน MacBook นั่นเอง

สำหรับด้านบนของตัวเครื่อง จะมีแค่เพียงปุ่ม เปิดปิด เครื่อง เท่านั้น
โดยพอร์ตเชื่อมต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรได้ถูกย้ายไปอยู่ด้านล่างแทน

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เรียงจากซ้ายไปขวา ก็จะเป็น พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อชุดหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร ตามมาด้วย Build-in Microphone และ พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และชาร์จไฟ แบบใหม่ (Lightning connector) และสุดท้ายคือ Build-in Speaker ครับ

สำหรับด้านข้างฝั่งซ้าย ปุ่มที่เห็นเป็นสี่เหลี่ยมเรียวๆ อยู่นั้น สามารถทำงานได้ 2 แบบขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลักครับ โดยสามารถเป็นได้ทั้ง ปุ่มเปิด-ปิดเสียง หรือล็อคการหมุนของหน้าจอ (rotate) ส่วน 2 ปุ่มกลมๆ นั้น เป็นปุ่มสำหรับ เพิ่มลดเสียง เช่นเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า

ส่วนฝั่งขวานั้นจะมีเพียงช่องสำหรับ ใส่ซิมการ์ด โดยซิมที่ใช้บน iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้นก็จะเป็นแบบ Nano-Sim นั่นเองครับ


สำหรับกล้องด้านหน้านั้น ความละเอียดอยู่ที่ 1.2 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งาน FaceTime ความละเอียดที่ 720p มีเซนเซอร์รับภาพแบบ Backside illumination ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่มืด ระบบ Face detection ตรวจจับตำแหน่งของใบหน้า นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งาน FaceTime บนเครือข่าย 3G และ 4G ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ส่วนของลำโพงสำหรับสนทนา ยังเป็นระบบแบบตัดเสียงรบกวน ทำให้สามารถได้ยินเสียงปลายสายได้ชัดเจนครับ

ในส่วนนี้ก็จะเป็น กล้องดิจิตอล iSight ด้านหลังของตัวเครื่อง ที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash และไมโครโฟนสำหรับการบันทึกเสียง ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง ตัวเลนส์ และไฟแฟลชครับ นอกจากนี้ iphone5 (ไอโฟน 5) ยังสามารถถ่ายวีดีโอด้วยความละเอียดระดับ Full HD 1080p ครับ
EarPods ชุดหูฟังใหม่ล่าสุดจาก Apple
สำหรับชุดหูฟังจาก Apple นั้นถือว่าเป็นระยะเวลานานพอสมควร ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนครับว่า ในรุ่นใหม่นี้ ทาง Apple ได้มีการออกแบบ ชุดหูฟังใหม่ทั้งหมด โดยมีการทดสอบ จากรูปแบบใบหู ของผู้ใช้ กว่า 124 แบบ จากผู้ใช้งานกว่า 1,000 คน เพื่อให้ได้รูปทรงที่สามารถเข้ากันได้กับ ผู้ใช้ทุกคนนั่นเอง


แจ็ค สำหรับเชื่อมต่อกับ พอร์ตหูฟัง ก็เป็นขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า

ขนาดของ รีโมท มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยครับ จากภาพ ด้านล่างจะเป็นของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) และด้านบน เป็น ชุดหูฟังรุ่นเก่า

ด้านหลังของรีโมท จะเห็นได้ว่าไม่มีช่องที่ถูกเจาะไว้เป็น ไมโครโฟน แบบในรุ่นเก่า โดยในรุ่นใหม่นี้ จะเรียบไปเลยครับ โดยจะมีการสกรีนลายเป็นรูปไมโครโฟนเอาไว้

สำหรับจุดเด่นในเรื่องของเสียง ในการปรับปรุงครั้งนี้ ทาง Apple ได้มีการเน้นให้ได้เสียงที่มีความใส และ มีน้ำหนักของ เสียงเบส มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ หลายๆ ท่านที่เคยใช้ หูฟังจาก Apple อาจจะรู้สึกว่า เสียงเบสนั้นยังน้อยไป และออกไปทางเสียงแหลมซะมากกว่า ซึ่งแน่นอนครับว่า แต่ละคนนั้น มีรสนิยมในการฟังเพลงที่ต่างกัน หลายๆ คนอาจจะไม่ชอบเสียงเบสมากนัก แต่บางท่านก็อาจจะชอบ ซึ่งตรงนี้ ทีมงานก็คงไม่สามารถฟันธงได้นะครับว่า จะถูกใจใครหลายคนหรือไม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้เสียง นั่นก็คือ ความรู้สึก สบายหลังจากที่ใส่ ที่ทางแอปเปิ้ลได้พยายามออกแบบให้เราได้รู้สึกไม่อึดอัดเวลาใส่นั่นเองครับ
การเปลี่ยนแปลงทางด้าน ฮาร์ดแวร์ ของ iPhone 5 (ไอโฟน 5)
ชิปประมวลผล Apple A6

สำหรับบน iPhone 5 (ไอโฟน 5) ถือเป็นครั้งแรก ที่ทาง Apple ได้มีการลงมือ ปรับแต่ง หน่วยประมวลผลด้วยตัวเอง และการที่ทางแอปเปิ้ลลงมือทำเองนั้นจะช่วยให้ ความเข้ากันได้ ระหว่าง หน่วยประมวลผล และความสามารถของตัวเครื่อง รวมไปถึงความเข้ากันได้ระหว่าง หน่วยประมวลผล และ ระบบปฏิบัติการ นั้นดียิ่งขึ้น และถึงแม้ว่า หน่วยประมวลผลของ iphone5 (ไอโฟน5) จะเป็นแบบ Dual-Core processor ความเร็ว 1GHz แต่กลับสามารถทำความเร็วได้มากกว่า iPhone 4S ถึง 2 เท่า
หน้าจอแบบ Retina display ขนาด 4 นิ้ว

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไม Apple จึงเลือกที่จะขยายหน้าจอให้ยาวขึ้น แทนที่จะทำให้ใหญ่ขึ้นเหมือนรุ่นอื่นๆ ในตลาด แต่คำตอบของทีมดีไซน์ของ Apple ก็จะเป็นในเรื่องของการที่เราจะยังคงสามารถใช้งาน iPhone ด้วยมือเดียวได้อยู่นั่นเอง ซึ่ง Apple ได้ให้เหตุผลว่า นิ้วโป้งของเรานั้นสามารถเคลื่อนที่ได้บนความยาวที่สูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าได้ แต่หากหน้าจอมีความกว้างขึ้น อาจจะทำให้เราใช้งานด้วยมือเดียวได้ยากลำบากยิ่งขึ้น เนื่องจากการเคลื่อนที่ของนิ้วโป้งไปทางด้านกว้าง จะทำได้ลำบากขึ้นนั่นเอง
iPhone 5 รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE

สำหรับ iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้น สามารถใช้งาน การเชื่อมต่อแบบ 4G LTE ได้แล้ว โดยสามารถทำความเร็วได้ถึง 100Mbps กันเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่า 4G นั้นจะยังไม่ได้มีการเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในประเทศไทยก็ตาม แต่การที่ตัวเครื่องนั้นรองรับ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่น ที่มีไว้เตรียมพร้อมสำหรับ อีกขั้นของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายในไทยครับ
iPhone 5 กับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น

ด้วยตัวเครื่องที่มีความยาวมากขึ้น จึงทำให้มีพื้นที่สำหรับ ติดตั้งแบตเตอรี่ที่มากขึ้น จึงทำให้ทาง Apple ได้มีการปรับขนาด แบตเตอรี่ ให้ใหญ่ขึ้น แต่แน่นอนครับว่า ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ยิ่งต้องการใช้พลังงานของแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น แต่ระยะเวลาการใช้งานเมื่อชาร์จเต็มนั้นพอๆ กับ iPhone 4S นั่นเอง
กล้องด้านหลังแบบ iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ถูกออกแบบใหม่

ถึงแม้ว่ากล้องบน iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลเท่ากับ iPhone 4S แต่ทาง Apple นั้นได้มีการออกแบบ ตัวกล้องใหม่ทั้งหมด โดยเน้นให้มีความบางที่มากกว่าเดิม และมีการเปลี่ยน Cover ของ เลนส์ด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ด้วยความสามารถของ ชิปประมวลผล Apple A6 ที่มีการปรับแต่งให้มีการใช้งานร่วมกับการถ่ายภาพที่ดียิ่งขึ้น ยิ่งช่วยให้ภาพที่ได้จากการถ่ายด้วย iphone 5 นั้นดีขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ กล้อง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลนี้ ยังมีฟีเจอร์การทำงานเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซนเซอร์รับภาพแบบ Backside illumination ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่มืด ฟิลเตอร์แบบ Hybrid IR เลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้น และ รูรับแสง กว้างสูงสุดที่ F/2.4 นอกจากนี้ ชิปเซ็ท Apple A6 นั้น ยังช่วยให้การถ่ายภาพเร็วขึ้นอีกด้วยครับ
ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่าย จากกล้อง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กันครับ ซึ่งสามารถคลิ๊กที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่ได้ โดยภาพขนาดเต็มนั้น เป็นภาพจริงๆ จากตัวกล้อง ไม่ผ่านการรีไซส์หรือปรับแต่งภาพใดๆ ครับ












ดูกันที่ภาพถ่ายแบบธรรมดาๆ กันไปแล้ว ต่อมาเรามาชมฟีเจอร์ใหม่บน iOS 6 กับการใช้งานกล้องถ่ายรูป นั่นก็คือ การถ่ายภาพในแนวกว้าง หรือ Panorama นั่นเอง โดยฟีเจอร์นี้ เป็นฟีเจอร์ที่ฝังมากับตัวกล้อง ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาใช้งานเพิ่มเติมครับ
ซึ่งการใช้งานในโหมด Panorama บน iPhone 5 (ไอโฟน 5) เมื่อเทียบกับการใช้งานแอพพลิเคชั่น Panorama ทั่วๆ ไป ถือว่า สะดวกมากกว่า โดยสามารถหมุนกล้องถ่ายได้เลย จากนั้นระบบจะประมวลผลภาพให้อัตโนมัติ แต่ถ้าหากเป็นแอพพลิเคชั่น Panorama ทั่วๆ ไปนั้น จะต้องค่อยๆ หมุนกล้องทีละนิด ให้ครบองค์ประกอบ จึงจะสามารถถ่ายช็อตถัดไปได้ ซึ่งถ้าเทียบความเร็วในการถ่ายภาพแบบ Panorama บน iPhone 5 (ไอโฟน5) หรือ iOS 6 แล้ว ถือว่า รวดเร็วมากเลยทีเดียวครับ
ปกติแล้ว การถ่ายภาพแบบ Panorama นี้ จะใช้สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ หรือภาพที่มีความนิ่งเท่านั้น แต่ความพิเศษของระบบการถ่ายภาพแบบ Panorama บน iOS 6 จะช่วยตัดสิ่งที่เคลื่อนไหวออกขณะถ่ายภาพให้อัตโนมัติด้วย สมมติว่า ขณะกำลังถ่ายอยู่นั้น มีคนเดินผ่านตัดหน้า เมื่อระบบประมวลผลแล้ว จะไม่ปรากฏภาพของคนเดินให้เห็นครับ (จุดนี้ทดสอบแล้ว พบว่า ตัดภาพคนเดินออกจริงๆ ครับ) แต่ถ้าหากขณะที่ถ่ายภาพ แล้วมีคนยืนนิ่งๆ อยู่ ภาพที่ออกมาก็ยังเห็นเป็นคนยืนครับ
สำหรับขนาดภาพจริงๆ ของภาพแบบ Panorama นั้น เฉลี่ยอยู่ที่ 14MB - 17MB ขนาดกว้างสูงสุดที่ 10800 พิกเซล ขึ้นอยู่กับว่า เราถ่ายกว้างมากน้อยแค่ไหน ลองมาชมตัวอย่างภาพถ่ายแบบ Panorama บน iPhone 5 (ไอโฟน 5) กันครับ




การใช้งาน iOS 6 บน ระหว่าง iPhone 5 (ไอโฟน 5)

นอกจาก ฮาร์ดแวร์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้ดีกว่าเก่า ซอฟต์แวร์​ก็ถือเป็นอีกส่วนที่ช่วยให้สามารถใช้งานตัวเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่ง ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดของแอปเปิ้ลอย่าง iOS 6 นั้นก็มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ มามากมาย ลองมาดูกันครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง โดยทีมงานจะเน้นการทดสอบและ Screenshot จากตัวเครื่อง iPhone 5 จริงๆ ครับ
Safari บน iOS 6

บน iOS 6 นั้น Safari (ซาฟารี) ได้มีการพัฒนาให้สามารถโหลดหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มฟังก์ชั่น การชมเว็บไซต์ แบบเต็มจออีกด้วย ซึ่งเมื่อลองทดสอบเปิดเว็บไซต์ผ่าน iPhone 5 (ไอโฟน 5) ก็จะรู้สึกว่า ได้ขนาดหน้าจอ และตัวอักษร ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
Apple Maps บน iOS 6


อย่างที่ทราบกันไปแล้วนะครับว่า บน iOS 6 ทางแอปเปิ้ลได้มีการเปลี่ยนจาก การใช้งาน Google Maps เดิมมาเป็น Apple Maps ที่พัฒนาโดยแอปเปิ้ลเอง ซึ่ง Apple Maps นั้นก็มีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจมากมาย เช่น Flyover ที่จะช่วยให้คุณเห็นแผนที่ แบบ 3 มิติที่สวยงาม รวมไปถึงการนำทางแบบ Turn-By-Turn navigation ที่มีผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri คอยช่วยบอกทางอีกด้วยครับ
อย่างไรก็ดี การใช้งานแผนที่แบบ 3 มิตินั้น ยังไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศไทย นอกจากนี้ ฟังก์ชั่นการนำทางแบบ Turn-by-turn navigation จะสามารถใช้งานได้ในเดือนตุลาคมครับ
หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น มองเห็นรายละเอียดได้มากขึ้น

สำหรับ iphone 5 (ไอโฟน5) ที่ตัวเครื่องนั้นยาวขึ้น ช่วยให้เราสามารถเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมได้มากขึ้น เช่น จำนวนแถวของภาพใน Gallery หรือแม้แต่การเข้าชมเว็บไซต์​หรือ Notification ต่างๆ จะมีจำนวนของข้อมูลที่เห็นได้มากขึ้น
คีย์บอร์ด ภาษาไทย แบบ 4 แถว บน iPhone 5

หากเราใช้งาน iPhone รุ่นก่อนหน้า การที่คีย์บอร์ดถูกเปลี่ยนเป็น 4 แถว ซึ่งยาวขึ้นกว่าเดิมนั้น อาจจะทำให้ขนาดที่เพิ่มขึ้น บังหน้าจอเรามากขึ้น แต่บน iPhone 5 ด้วยหน้าจอที่ยาวขึ้น ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานในแนวตั้งมากขึ้น ก็จะช่วยให้เรารู้สึกว่า ไม่ได้บังหน้าจอเรามากจนเกินไป
อย่างไรก็ดี ปัญหาของคีย์บอร์ด 4 แถวภาษาไทย สำหรับผู้ใช้งานในไทยนั้น เท่าที่พบปัญหาในขณะนี้ก็คือ เรื่องของการใช้งานครับ เนื่องจากพิมพ์ไม่ถนัด เพราะเคยชินกับคีย์บอร์ดแบบเก่านั่นเอง ซึ่งปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยากครับ เพียงแค่หัดพิมพ์บ่อยๆ จนคล่อง แล้วจะรู้สึกว่า จริงๆ แล้วใช้งานได้ไม่ยากเลย เพราะการเรียง layout ของคีย์บอร์ด 4 แถวนี้ เหมือนกับคีย์บอร์ดบนโน้ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ทั่วไปนั่นเอง และที่สำคัญ สะดวกกว่าคีย์บอร์ดแบบเดิมๆ อีกด้วยครับ
การใช้งาน Personal Hotspot บน iPhone 5


 อาจจะยังมีความสงสัยว่า บน iPhone 5 และ iOS 6 นั้นยังคงสามารถใช้งาน Personal Hotspot หรือกระจายสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์ ผ่านเครือข่าย ไวไฟ ให้เพื่อนใช้ได้หรือไม่ คำตอบคือ ยังสามารถทำได้ตามปกตินั่นเองครับ โดยเข้าไปเปิดการใช้งานได้ที่ Settings > Personal Hotspot แต่อย่าลืมว่า จะต้องเปิดการใช้งานเครือข่าย 3G บน iPhone ของเราด้วยนะครับ

ความแตกต่างทางด้านดีไซน์ ระหว่าง iPhone 5 (ไอโฟน 5) และ iPhone 4S (ไอโฟน 4S)

สำหรับ iPhone 5 (ซ้าย) นั้นถือว่าบางกว่า iPhone 4S (ขวา) อยู่พอสมควร โดย iphone 5 (ไอโฟน5) บางกว่า iPhone 4S ถึง 18% เลยทีเดียว

ด้านบนของตัวเครื่อง จะแตกต่างกันในส่วนของ พอร์ตเชื่อมต่อชุดหูฟัง ที่ไม่ได้อยู่ด้านบนแล้วนั่นเอง นอกจากนี้ ขอบรอบๆ ตัวเครื่องรุ่นสีดำ Black & Slate นั้น ไม่ได้เป็นสีเงินเหมือนรุ่นก่อนแล้วครับ แต่เป็นสี Slate สีเดียวกับด้านหลังนั่นเอง

ด้านข้าง ในส่วนของ ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด ก็จะมีขนาดที่ต่างกัน เนื่องจากใน iPhone 4S นั้นใช้ micro-Sim แต่สำหรับ iPhone 5 นั้นจะเป็น Nano-Sim

สำหรับภาพนี้ น่าจะตอบคำถาม สำหรับหลายๆ คนได้นะครับว่า ขนาดของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) เมื่อเทียบกับ iPhone 4S แล้วนั้น มีความยาวต่างกันเท่าไหร่ แม้จะไม่มาก แต่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่า iphone 5 (ไอโฟน5) ตัวเครื่องยาวขึ้นครับ

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ถือว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ เนื่องจาก มีการลดขนาดของ พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อและชาร์จไฟ ให้เล็กลง และมีการย้ายช่องสำหรับเชื่อมต่อชุดหูฟัง มาไว้ด้านล่างด้วย


และนี่คือภาพเปรียบเทียบ Dock Connector ของ iPhone 4S (ขวา) และ Lightning connector ของ iPhone 5 (ซ้าย) ซึ่งถือว่าขนาดนั้นต่างกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว
มาเปรียบเทียบขนาดของซิมการ์ดกันบ้างครับ โดย iphone 5 (ไอโฟน 5) นั้น ใช้ซิมการ์ดแบบ Nano-SIM card ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ซิมการ์ดแบบเดิม หรือ Micro-SIM card ถึง 40% เลยทีเดียว ซึ่งในขณะนี้ เครือข่ายในไทยที่ให้บริการ Nano-SIM card แล้ว ก็ได้แก่ Dtac, AIS และ TrueMove H





วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การเขียนผังงาน

 การเขียนผังงาน

การเขียนผังงาน ( Flowchart )ผังงาน คือ แผนภาพที่มีการใช้สัญลักษณ์รูปภาพและลูกศรที่แสดงถึงขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมหรือระบบทีละขั้นตอน รวมไปถึงทิศทางการไหลของข้อมูลตั้งแต่แรกจนได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
ประโยชน์ของผังงาน• ช่วยลำดับขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม และสามารถนำไปเขียนโปรแกรมได้โดยไม่สับสน
• ช่วยในการตรวจสอบ และแก้ไขโปรแกรมได้ง่าย เมื่อเกิดข้อผิดพลาด
• ช่วยให้การดัดแปลง แก้ไข ทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
• ช่วยให้ผู้อื่นสามารถศึกษาการทำงานของโปรแกรมได้อย่างง่าย และรวดเร็วมากขึ้น

วิธีการเขียนผังงานที่ดี• ใช้สัญลักษณ์ตามที่กำหนดไว้
• ใช้ลูกศรแสดงทิศทางการไหลของข้อมูลจากบนลงล่าง หรือจากซ้ายไปขวา
• คำอธิบายในภาพควรสั้นกระทัดรัด และเข้าใจง่าย
• ทุกแผนภาพต้องมีลูกศรแสดงทิศทางเข้า - ออก
• ไม่ควรโยงเส้นเชื่อมผังงานที่อยู่ไกลมาก ๆ ควรใช้สัญลักษณ์จุดเชื่อมต่อแทน
• ผังงานควรมีการทดสอบความถูกต้องของการทำงานก่อนนำไปเขียนโปรแกรม
ผังงานโปรแกรม ( Program Flowchart )การเขียนผังโปรแกรมจะประกอบไปด้วยการใช้สัญลักษณ์มาตรฐานต่าง ๆ ที่เรียกว่า สัญลักษณ์ ANSI ( American National Standards Institute ) ในการสร้างผังงาน ดังตัวอย่างที่แสดงในรูปต่อไปนี้
จุดเริ่มต้น / สิ้นสุดของโปรแกรม
ลูกศรแสดงทิศทางการทำงานของโปรแกรมและการไหลของข้อมูล
ใช้แสดงคำสั่งในการประมวลผล หรือการกำหนดค่าข้อมูลให้กับตัวแปร
แสดงการอ่านข้อมูลจากหน่วยเก็บข้อมูลสำรองเข้าสู่หน่วยความจำหลักภายใน เครื่องหรือการแสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมา
การตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อตัดสินใจ โดยจะมีเส้นออกจารรูปเพื่อแสดงทิศทางการทำงานต่อไป เงื่อนไขเป็นจริงหรือเป็นเท็จ
แสดงผลหรือรายงานที่ถูกสร้างออกมา
แสดงจุดเชื่อมต่อของผังงานภายใน หรือเป็นที่บรรจบของเส้นหลายเส้นที่มาจากหลายทิศทางเพื่อจะไปสู่ การทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
การขึ้นหน้าใหม่ ในกรณีที่ผังงานมีความยาวเกินกว่าที่จะแสดงพอในหนึ่งหน้า

รูปที่1 แสดง สัญลักษณ์ในการเขียนผังงานโปรแกรม

ผังงานกับชีวิตประจำวันการทำงานหลายอย่างในชีวิตประจำวัน จะมีลักษณะที่เป็นลำดับขั้นตอน ซึ่งก่อนที่ท่านจะได้ศึกษาวิธีการเขียนผังงานโปรแกรม จะแนะนำให้ท่านลองฝึกเขียนผังงานที่แสดงการทำงานในชีวิตประจำวันวันก่อนเพื่อเป็น การสร้างความคุ้นเคยกับสัญลักษณ์รูปภาพต่าง ๆ ที่จะมีใช้ในผังงานโปรแกรมต่อไป ดัง ตัวอย่าง 1 เขียนผังงานที่แสดงขั้นตอนการส่งจดหมาย


รูปที่ 2 แสดงการเขียนผังงานที่แสดงขั้นตอนการส่งจดหมาย
ตัวอย่างที่ 2 เขียนผังงานแสดงวิธีการรับประทานยา ที่แบ่งขนาดรับประทานตามอายุของผู้ทานดังนี้
• อายุมากกว่า 10 ปี รับประทานครั้งละ 2 ช้อนชา
• อายุมากกว่า 3 ปี ถึง 10 ปี รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา
• อายุมากกว่า 1 ปี ถึง 3 ปี รับประทานครั้งละ 1/2 ช้อนชา
• แรกเกิดถึง 1 ปี ห้ามรับประทาน


รูปที่ 3 แสดงการเขียนผังงานแสดงวิธีการรับประทานยา

โครงสร้างการทำงานแบบมีการเลือก ( Selection )เป็นโครงสร้างที่ใช้การตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยโครงสร้างแบบนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ IF - THEN - ELSE และ IF - THEN




รูปที่4 แสดงโครงสร้างผังงานแบบมีการเลือก
โครงสร้างแบบ IF - THEN - ELSE เป็นโครงสร้างที่จะทำการเปรียบเทียบเงื่อนไขที่ใส่ไว้ในส่วนหลังคำว่า IF และเมื่อได้ผลลัพธ์จากการเปรียบเทียบก็จะเลือกว่าจะทำงานต่อในส่วนใด กล่าวคือถ้าเงื่อนไขเป็นจริง ( TRUE ) ก็จะเลือกไปทำงานต่อที่ส่วนที่อยู่หลัง THEN แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ ( FALSE ) ก็จะไปทำงานต่อในส่วนที่อยู่หลังคำว่า ELSE
แต่ถ้าสำหรับโครงสร้างแบบ IF - THEN เป็นโครงสร้างที่ไม่มีการใช้ ELSE ดังนั้น ถ้ามีการเปรียบเทียบเงื่อนไขที่อยู่หลัง IF มีค่าเป็นจริง ก็จะไปทำส่วนที่อยู่หลัง Then แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็จะไปทำคำสั่งที่อยู่ถัดจาก IF - THEN แทน
ตัวอย่าง 3 การเขียนผังงานอ่านค่าข้อมูลเข้ามาเก็บไว้ในตัวแปร A และ B แล้วทำการเปรียบเทียบในตัวแปรทั้งสอง โดยมีเงื่อนไขดังนี้
• ถ้า A มากกว่า B ให้คำนวณหาค่า A - B และเก็บผลลัพธ์ไว้ในตัวแปรชื่อ RESULT
• ถ้า A น้อยกว่าหรือเท่ากับ B ให้คำนวณหาค่า A + B และเก็บผลลัพธ์ไว้ในตัวแปรชื่อ RESULT


รูปที่ 3 แสดงการเขียนผังงานอ่านค่าข้อมูล
ตัวอย่าง 4 การเขียนผังงานเปรียบเทียบค่าข้อมูลที่เก็บอยู่ในตัวแปร X โดยมีเงื่อนไขดังนี้• ถ้า X > 0 ให้พิมพ์คำว่า " POSITIVE NUMBER "
• ถ้า X < 0 ให้พิมพ์คำว่า " NEGATIVE NUMBER "
• ถ้า X = 0 ให้พิมพ์คำว่า " ZERO NUMBER "


รูปที่ 4 แสดงการเขียนผังงานเปรียบเทียบค่าข้อมูล

โครงสร้างการทำงานแบบมีการทำงานซ้ำเป็นโครงสร้างที่มีการประมวลผลกลุ่มคำสั่งซ้ำหลายครั้ง ตามลักษณะเงื่อนไขที่กำหนด อาจเรียก การทำงานซ้ำแบบนี้ได้อีกแบบว่า การวนลูป ( Looping ) โครงสร้างแบบการทำงานซ้ำนี้จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ
• DO WHILE
• DO UNTIL
DO WHILEเป็นโครงสร้างที่มีการทดสอบเงื่อนไขก่อน ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงก็จะเข้ามาทำงานในกลุ่มคำสั่งที่ต้องทำซ้ำ ซึ่งเรียกว่าการเข้าลูป หลังจากนั้นก็จะย้อนกลับไปตรวจสอบเงื่อนไขใหม่อีก ถ้าเงื่อนไขยังคงเป็นจริงอยู่ ก็ยังคงต้องทำกลุ่มคำสั่งซ้ำหรือเข้าลูปต่อไปอีก จนกระทั่งเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็จะออกจากลูปไปทำคำสั่งถัดไปที่อยู่ถัดจาก DO WHILE หรืออาจเป็นการจบการทำงาน


แสดงโครงสร้างการทำงานซ้ำแบบ DO WHILE
DO UNTILเป็นโครงสร้างการทำงานแบบทำงานซ้ำเช่นกัน แต่มีการทำงานที่แตกต่างจาก DO WHILE คือจะมีการเข้าทำงานกลุ่มคำสั่งที่อยู่ภายในลูปก่อนอย่างน้อย 1 ครั้ง แล้วจึงจะไปทดสอบเงื่อนไข ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จก็จะมีการเข้าทำกลุ่มคำสั่งที่ต้องทำซ้ำอีก หลังจากนั้นก็จะย้อนกลับไปตรวจสอบเงื่อนไขใหม่อีก ถ้าเงื่อนไขยังคงเป็นเท็จอยู่ ก็ยังต้องทำกลุ่มคำสั่งซ้ำหรือเข้าลูปต่อไปอีก จนกระทั่งเงื่อนไขเป็นจริง จึงจะออกจากลูปไปทำคำสั่งถัดจาก UNTIL หรืออาจเป็นการจบการทำงาน


แสดงโครงสร้างการทำงานซ้ำแบบ DO UNTIL
สรุปข้อแตกต่างระหว่าง DO WHILE และ DO UNTIL มีดังนี้1. DO WHILE ในการทำงานครั้งแรกจะต้องมีการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะมีการเข้ลูปการทำงาน
2. DO UNTIL การทำงานครั้งแรกจะยังไม่มีการตรวจสอบเงื่อนไข แต่จะเข้าไปทำงานในลูปก่อนอย่างน้อย 1 ครั้งแล้วจึงจะไปตรวจสอบเงื่อนไข
3. DO WHILE จะมีการเข้าไปทำงานในลูปก็ต่อเมื่อตรวจสอบเงื่อนไขแล้วพบว่า เงื่อนไขเป็นจริง แต่เมื่อพบว่าเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็จะออกจากลูปทันที
4. DO UNTIL จะมีการเข้าไปทำงานในลูปก็ต่อเมื่อตรวจสอบเงื่อนไขแล้วพบว่า เงื่อนไขเป็นเท็จ แต่เมื่อพบว่าเงื่อนไขเป็นจริง ก็จะออกจากลูปทันที
ตัวอย่าง 5 จงเขียนผังงานแสดงการเพิ่มของข้อมูลตัวเลขที่เก็บอย่ในหน่วยความจำที่แอดเดรส 1 โดยที่ค่าเริ่มต้นจาก 0 ให้ทำการเพิ่มค่าทีละ 1 เรื่อยไปจนกระทั่ง J มีค่าข้อมูลมากกว่า 100 จึงหยุดการทำงาน

ตัวอย่างนี้ เป็นตัวอย่างการทำงานแบบทำซ้ำ ซึ่งจะสามารถแสดงการเขียนได้ทั้งแบบ DO WHILE และ DO UNTIL ดังนี้





แสดงตัวอย่างการใช้ DO WHILE และ DO UNTIL


ที่มา.   www.bcoms.net/system_analysis/lesson63.asp

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บัญญัติ 10 ประการ

บัญญัติ 10 ประการ

1.ต้องไม่ใช่คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น เช่น ไม่เผยแพร่ข้อความกล่าวหาบุคคลอื่นให้ได้รับ   ความเสียหาย ไม่เผยแพร่รูปภาพลามกอนาจาร เป็นต้น

2.ต้องไม่ใช่คอมพิวเตอร์รบกวนการทำงานของผู้อื่น เช่น การเล่นเกมส์หรือเปิดเพลงด้วยคอมพิวเตอร์รบกวนผู้อื่่นที่อยู่ใกล้เคียง

3.ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต

4.ต้องไม่ใช่คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร

5.ต้องไม่ใช่คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ

6.ต้องไม่ใช่คอมพิวเตอร์คัดลอกหรือใช้โปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

7.ต้องไม่ใช่คอมพิวเตอร์ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์

8.ต้องไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน

9.ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอันเป็นผลมาจากการกระทำของตน

10.ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎ กติกา และมีมารยาทของหน่วยงาน สถาบันหรือสังคมนั้นๆ

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ซอฟต์แวร์และการเลือกใช้


 ซอฟต์แวร์และการเลือกใช้

     ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์
 เช่น การพิมพ์ รายงาน ตกแต่งภาพ ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการด้วยคอมพิวเตอร์นี้ 
จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยทำงาน ซอฟต์แวร์จังเป็นส่วนสำคัญที่
ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ต้องทำงานตามโปรแกรมเท่านั้น ไม่สามารถทำงานที่นอก
เหนือไปจากที่กำหนดไว้ในโปรแกรมได้ ดังนั้นการศึกษาเกี่ยวกับซอฟแวร์ จึงมีความสำคัญ
ต่อการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์


 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)

 
             คือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อปฏิบัติการกับฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ 

และเพื่อจัดเตรียมและบำรุงรักษาแพลตฟอร์มจากการทำงานของโปรแกรมประยุกต์ 
ซอฟต์แวร์ระบบพื้นฐานที่สุดมีดังนี้
    
***ไบออสของคอมพิวเตอร์และเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ ซึ่งมีเครื่องมือพื้นฐานสำหรับปฏิบัติการ
และควบคุมฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อหรือติดตั้งในคอมพิวเตอร์    
***ระบบปฏิบัติการ (ตัวอย่างที่เด่น ๆ เช่น ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ แมคโอเอสเท็น และลินุกซ์
ซึ่งแบ่งสรรให้ส่วนต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันโดยรับภาระงานอาทิ 
การส่งผ่านข้อมูลระหว่างหน่วยความจำกับจานบันทึก หรือการส่งข้อมูลออกทางอุปกรณ์แสดงผล 
และยังมีแพลตฟอร์มเพื่อทำงานซอฟต์แวร์ระบบระดับสูงและโปรแกรมประยุกต์ด้วย   
 ***ซอฟต์แวร์อรรถประโยชน์ ซึ่งช่วยวิเคราะห์ ปรับแต่ง ทำให้เหมาะสม
 และบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ในตำราบางเล่ม คำว่า ซอฟต์แวร์ระบบ 
หมายรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย 
(เช่น คอมไพเลอร์ ลิงเกอร์ หรือดีบักเกอร์ เป็นต้น)    
โดยทั่วไปมิได้หมายความว่า ผู้ใช้จะต้องซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานซอฟต์แวร์ระบบ 
แทนที่จะเป็นอย่างนั้น อาจมองว่าซอฟต์แวร์ระบบเป็นสิ่งพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ที่มีมากับเครื่อง
หรือติดตั้งไว้ก่อนแล้ว ในทางตรงข้ามกับซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้สามารถกระทำการต่าง ๆ 
อาทิสร้างเอกสารข้อความ เล่นเกม ฟังเพลง หรือท่องเว็บ เช่นนี้เรียกว่าโปรแกรมประยุกต์
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/ซอฟต์แวร์ระบบ



ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) 


เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับการทำงานด้านต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถ 
นำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่างๆ
 ออกจำหน่าย การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางแพร่หลาย อาจแบ่ง
 ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นสองกลุ่ม คือซอฟต์แวร์สำเร็จและซอฟต์แวร์ที่พัฒนา
ขึ้นใช้เฉพาะงาน  ซึ่งปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ 
ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน เป็นต้น


โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utilities Program)
                
เรียกสั้นๆ ว่า ยูทิลิตี้ เป็นโปรแกรมประเภทหนึ่งที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ 
ส่วนมากใช้เพื่อบำรุงรักษาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์
คุณสมบัติการใช้งานนั้นค่อนข้างหลากหลาย ยูทิลิตี้แบ่งออกเป็นสองชนิดคือ 
ยูทิลิตี้สำหรับระบบปฏิบัติการ (OS utility program) และ ยูทิลิตี้อื่น
(stand-alone utility program)
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/โปรแกรมอรรถประโยชน์


ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software)

          
ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน  เป็นซอฟต์แวร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง 
และไม่สามารถ ทำงานอื่นได้  เช่น โปรแกรมระบบบัญชี โปรแกรมเพื่องานออกแบบ 
โปรแกรมช่วยงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

1. โปรแกรมระบบบัญชี (Accounting) เช่น ระบบบัญชีเงินเดือน ลูกหนี้ 

ระบบเช่าซื้อบัญชี แยกประเภท

2. โปรแกรมช่วยงานอุตสาหกรรม CAM

(Computer-Aided Manufactory and Composition And Make-up)
ซอฟต์แวร์ชนิดนี้ใช้สำหรับงานด้านอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ 
เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ดูแลและควบคุมเครื่องจักรกลแทนคน 
หรืองานประเภทที่ต้องทำซ้ำๆ กัน ครั้งละมากๆ (Mass-production)

3. โปรแกรมช่วยในการเรียนการสอน CAI (Computer-Assisted Instruction)

โดยการใช้คอมพิวเตอร์ หรือจำลองตัวเองเป็นสื่อในการเรีย
นการสอนประกอบกับรูปภาพ(เคลื่อนไหว) ในลักษณะต่างๆ 
ซึ่งทำให้ง่ายต่อความเข้าใจ

4. เกม (Game) สำหรับผ่อนคลายหลังจากการใช้เครื่องแต่ส่วนใหญ่นิยมเล่นเพื่อ

ความเพลิดเพลินกว่า   ตัวอย่างของเกมเหล่านี้ได้แก่ โปรแกรมเกมต่างๆ 
ตามห้างสรรพสินค้า(Arcade game)  เกมบนกระดาน  (Board game) เช่น หมากรุก 
โมโนโปลีฯลฯ เกมส์ไพ่(Card)เกมเสมือนหรือจำลอง

5. โปรแกรมเพื่องานออกแบบหรือ CAD (Computer-Aidea Design) เช่น

 AutoCadAutoLISP และ DisgnCAD เป็นต้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดนี้
ใช้สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆและงานออกแบบทางด้านสถาปัตยกรรม

6. โปรแกรมตรวจสอบ/ป้องกันไวรัส (Anti-Virus) มีไว้เพื่อป้องกันการโจมตีของไวรัสคอมพิวเตอร์ 

และมักจะมีคำสั่งให้ทำลายล้างไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น McAfeevirus scan,
AVI-scan, Norton Anti-virus เป็นต้น

7. โปรแกรมมัลติมีเดีย   (Multimedia)  เป็นซอฟต์แวร์ใช้สำหรับสร้างโปรแกรม CAIหรือทำ 

Presentation หรือใช้สำหรับดูหนัง  ฟังเพลง  เช่น Multimedia Toolbook, XingMPEG,
Authorware, PowerDVDชนิดอื่นๆเช่น ระบบธุรกิจต่างๆ งานทำดนตรีงานตัดต่อภาพยนตร์
การวางแผนงาน งานศิลปะ  งานวาดรูป
การประมาณการ วิเคราะห์  งานพัฒนา การบริหารโครงงาน

ที่มา http://www.learners.in.th/blogs/posts/283614



ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป (General purpose Software)

         จะเป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาสำหรับงานทั่ว ๆ ไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานส่วนตัว
ได้อย่างหลากหลาย ทำให้เป็นซอฟต์แวร์ประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ซึ่งส่วนมาก
จะเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่ในเครื่องระดับไมโครคอมพิวเตอร์
        ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป สามารถแบ่งตามประเภทของงานได้ดังนี้
            
***ซอฟต์แวร์ตารางวิเคราะห์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Spreadsheet)
           
  ธุรกิจในสมัยก่อนนั้นการทำงบประมาณ หรือการวางแผนต่าง ๆ ต้องใช้กระดาษบัญชี
และเครื่องคิดเลขเท่านั้น สำหรับสมัยนี้ด้วยซอฟต์แวร์ตารางวิเคราะห์แบบอิเล็กทรอนิกส์ 
ผู้ใช้สามารถพิมพ์หัวข้อหรือชื่อของข้อมูล และตัวเลขข้อมูลต่าง ๆ เข้าในคอมพิวเตอร์ 
โดยที่ในคอมพิวเตอร์จะมีตารางที่เปรียบเสมือนกระดาษบัญชีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถคำนวณ
ได้ตามสูตรที่ผู้ใช้ทำการกำหนด โดยที่สูตรเหล่านั้นจะไม่ปรากฏในช่องของข้อมูลเลย 
ยิ่งไปกว่านั้นหากผู้ใช้เปลี่ยนตัวเลขหรือข้อมูลใด ๆ ก็ตาม จะเห็นการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอื่น
ที่เกี่ยวข้องกันในทันที ปัจจุบันมีผู้ใช้ประโยชน์ของตารางวิเคราะห์แบบอิเล็กทรอนิกส์มากมาย 
ไม่เฉพาะแต่ในทางบัญชีเท่านั้น แต่ยังนิยมใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ บริหารการเงิน 
และอื่น ๆอีกมาก
            
***ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ (Word processing)
            ปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับ
งานพิมพ์เอกสารรวมอยู่ด้วย ซึ่งโปรแกรมนี้ทำให้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำหรับสร้าง
แก้ไข ตรวจสอบ พิมพ์และจัดเก็บข้อความต่าง ๆ หนังสือที่จำหน่ายในท้องตลาดในปัจจุบันนี้
ส่วนมากก็เริ่มต้นจากการพิมพ์ข้อความลงในคอมพิวเตอร์ด้วยซอฟต์แวร์ที่ประมวลคำ
            
***ซอฟต์แวร์การพิมพ์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop Publishing)
            ในสมัยก่อนการจัดทำหนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่าง ๆ นั้นต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ
 มากมายหลายขั้นตอนซึ่งรวมเรียกว่าการเรียงพิมพ์ โดยที่จะต้องมีผู้ตัดต่อรูปภาพที่ต้องการ 
วาดกรอบของภาพหรือกรอบหัวเรื่อง และเขียนข้อความ และนำข้อความ ภาพ 
และกรอบมาประกอบกันตามแบบที่ออกแบบไว้ การทำงานที่ยุ่งยากเหล่านี้นี่เองที่ทำให้
เอกสารเหล่านั้นมีราคาแพง แต่ในปัจจุบันนี้ขอเพียงมีคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมการจัดพิมพ์
แบบตั้งโต๊ะ เท่านั้น ก็สามารถที่จะออกแบบงานหรือเอกสารให้เป็นที่น่าสนใจได้ 
โดยซอฟต์แวร์การพิมพ์แบบตั้งโต๊ะจะมีความสามารถด้านการจัดการเอกสาร 
ความสามารถด้านการเรียงพิมพ์ รวมทั้งการจัดสีที่สูงกว่าซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ
            
***ซอฟต์แวร์นำเสนอ (Presentation Software)
            เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการนำเสนอข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ โดยอาจประกอบด้วยตัวอักษร 
รูปภาพ แผนผัง รายงาน ตลอดจนภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น นิยมใช้ในการเรียนการสอน 
หรือการประชุมเพื่อนำเสนอข้อมูลให้การบรรยายนั้นน่าสนใจยิ่งขึ้น
            
***ซอฟต์แวร์กราฟิก (Graphic Software)
            เป็นซอฟต์แวร์สำหรับสร้างภาพกราฟิกแบบต่าง ๆ การใช้งานในระดับเบื้องต้นอาจนำไปใช้
ประกอบการสร้างเอกสาร หรือการนำเสนอข้อมูล ส่วนการใช้ในระดับสูงอาจใช้สำหรับ
การตกแต่งภาพหรือรูปถ่าย หรือใช้สำหรับงานด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม วิศวกรรม
เป็นต้น
            
***ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล (Database)
            โปรแกรมฐานข้อมูลเป็นโปรแกรมสำหรับสร้างแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ เก็บไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 
โดยโปรแกรมจะมีเครื่องมือต่าง ๆ ในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการจัดการแฟ้มข้อมูล
ช่น มีเครื่องมือสำหรับการเพิ่มหรือแก้ไขข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ หรือสามารถเรียกแฟ้มข้อมูลนั้น
ขึ้นมาแสดงบนจอภาพโดยกำหนดเงื่อนไขให้เลือกข้อมูลมาแสดงเพียงบางส่วน เป็นต้น
            
***ซอฟต์แวร์สื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication Software)
            ถ้าผู้ใช้ต้องการติดต่อกับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไป สามารถทำได้โดยใช้ซอฟต์แวร์
สำหรับติดต่อสื่อสารข้อมูล ซอฟต์แวร์ประเภทนี้จะจำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นเทอร์มินัล
(terminal) ที่สามารถติดต่อไปยังระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้หลายคนได้โดย
ใช้สายโทรศัพท์ในการโทรติดต่อ และเมื่อติดต่อได้แล้วก็จะสามารถใช้งานระบบต่าง ๆ
ที่อยู่ในเครื่องนั้นได้
เสมือนกับนั่งใช้เครื่องอยู่ข้าง ๆ เครื่องที่เราติดต่อเข้าไป การใช้งานที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน 
เช่น ร่วมคุยกับกลุ่มที่สนใจเรื่องเดียวกัน แลกเปลี่ยนจดหมายกับผู้อื่นในระบบหรือแม้กระทั่ง
จองตั๋วเครื่องบินและจองโรงแรมผ่านทางจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
          
  ***ซอฟต์แวร์ค้นหาข้อมูล (Resource Discovery Software)
            หมายถึงซอฟต์แวร์ที่เป็นเครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลที่ต้องการ จากแหล่งข้อมูลในที่ต่าง ๆ 
เนื่องจากปัจจุบันนี้ความนิยมในการใช้การติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเตอร์เนต
หรือเครือข่ายเชิงพาณิชย์อื่น ๆ ช่วยให้สามารถเรียกค้นข้อมูลที่ต้องการทราบได้จากทั่วโลก 
ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประเภทนี้ เช่น Archie , Gopher และ World Wide Web เป็นต้น
ที่มา : http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20soft2.htm


ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (Translator)

        ในการพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์นั้น โปรแกรมเมอร์จะเขียนโปรแกรมในภาษาคอมพิวเตอร์
แบบต่าง ๆ ตามแต่ความชำนาญของแต่ละคน โปรแกรมที่ได้จะเรียกว่า โปรแกรมต้นฉบับ 
หรือ ซอร์สโคด (source code)
ซึ่งมนุษย์จะอ่านโปรแกรมต้นฉบับนี้ได้แต่คอมพิวเตอร์จะไม่เข้าใจคำสั่งเหล่านั้น 
เนื่องจากคอมพิวเตอร์เข้าใจแต่ภาษาเครื่อง (Machine Language)
ซึ่งประกอบขึ้นจากรหัสฐานสองเท่านั้น 
จึงต้องมีการใช้โปรแกรม ตัวแปรภาษาคอมพิวเตอร์ (Translator) ในการแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาต่าง ๆ ไปเป็นภาษาเครื่องโปรแกรมที่แปลจากโปรแกรมต้นฉบับแล้วเรียกว่า 
ออบเจคโคด (object code)ซึ่งจะประกอบด้วยรหัสคำสั่งที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจ
และนำไปปฏิบัติได้ต่อไปตัวแปลภาษาที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน
จะต่างกันที่ขั้นตอนที่ใช้ในการแปลภาษาให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้
 สามารถแบ่งได้เป็น
          
แอสเซมเบลอ (Assembler) เป็นตัวแปลภาษาแอสแซมบลีซึ่งเป็นภาษาระดับต่ำให้เป็นภาษาเครื่อง
          
อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) เป็นตัวแปลภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ 
ไปเป็นภาษาเครื่อง โดยใช้หลักการแปลพร้อมกับงานตามคำสั่งทีละบรรทัดตลอดทั้งโปรแกรม 
ทำให้การแก้ไขโปรแกรมทำได้ง่ายและรวดเร็วแต่ออบเจคโคดที่ได้จากการแปลโดยการใช้
อินเตอร์พรีเตอร์นั้นไม่สามารถเก็บไว้ใช้ใหม่ได้จะต้องแปลโปรแกรมใหม่ทุกครั้งที่ต้องการใช้งาน           

คอมไพเลอร์ (Compiler) จะเป็นตัวแปลภาษาระดับสูงเช่นเดียวกับอินเตอร์พรีเตอร์แต่

จะใช้วิธีแปลโปรแกรมทั้งโปรแกรมให้เป็นออบเจคโคด ก่อนที่จะสามารถนำไปทำงาน
เช่นเดียวกับแอสแซมเบลอ ออบเจคโคดที่ได้จากการแปลนั้นสามารถจัดเก็บไว้เป็นแฟ้มข้อมูล
 เพื่อให้นำไปใช้ในการทำงานเมื่อใดก็ได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นข้อดีของคอมไพเลอร์ที่จะนำผล
ที่ได้จากการแปลนั้นไปใช้งานกี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเสียเวลาในการแปลใหม่ทุกครั้ง 
ทำให้เป็นรูปแบบการแปลที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
        
ในปัจจุบัน มีหลักการแปลภาษาคอมพิวเตอร์แบบใหม่เกิดขึ้น คือแปลจากซอร์สโคดไป
เป็นรหัสชั่วคราวหรืออินเทอมีเดียตโคด (Intermediate code) ซึ่งสามารถนำไปทำงานได้ด้วย
การใช้โปรแกรมในการอ่านและทำงานตามรหัสชั่วคราวนั้น โดยโปรแกรมนี้จะมีหลักการ
ทำงานคล้ายกับอินเทอพรีเตอร์ แต่จะทำงานได้เร็วกว่าเนื่องจากรหัสชั่วคราวจะใกล้เคียงกับ
ภาษาเครื่องมาก มีข้อดีคือสามารถนำรหัสชั่วคราวนั้นไปใช้ได้กับทุก ๆ 
เครื่องที่มีโปรแกรมตีความได้ทันที
ที่มา : http://www.lks.ac.th/kuanjit/it04_1.htm